๑. การเขียนปกรายงานและการเขียนหน้าปกใน ๑. ๑ การเขียนปก ให้เขียนชื่อเรื่องและชื่อผู้เขียนรายงาน กลางหน้ากระดาษ ๑. ๒ การเขียนหน้าปกในให้เขียนโดยแบ่งเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ส่วนบน ให้เว้นระยะ ๒ นิ้ว จากขอบกระดาษบนถึงบรรทัดแรกของรายงาน และเขียนชื่อเรื่องของรายงาน ใส่เฉพาะชื่อเรื่องที่เขียนรายงาน ส่วนกลาง เว้นจากส่วนบนลงมาประมาณ ๒ บรรทัดใส่คำว่า โดย และชื่อของผู้เขียนรายงาน ส่วนล่าง ให้เว้นระยะ ๑ นิ้ว จากขอบกระดาษล่างถึงบรรทัดสุดท้ายของส่วนล่าง บรรทัดแรกของส่วนล่างให้ระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิชา ชั้น ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา และ ครูผู้สอน ๒. การเขียนคำนำ การเขียนคำนำ อยู่ห่างจากขอบกระดาษด้านบน ๒ นิ้ว ผู้เขียนรายงานจะระบุวัตถุประสงค์ ขอบเขตของเนื้อเรื่อง และคำขอบคุณผู้มีส่วนช่วยเหลือให้ การค้นคว้ารวบรวม และ เรียบเรียงรายงานนั้นให้สำเร็จลงด้วยดี เมื่อหมดข้อความแล้วลงชื่อผู้เขียน วัน/เดือน/ปี ที่เขียน ถ้าเป็นรายงานกลุ่มให้เขียนคำว่า "คณะผู้จัดทำ" หน้าคำนำมักนิยมใส่เลขหน้าใน วงเล็บไว้ด้านล่าง ๓. การเขียนสารบัญ การเขียนสารบัญ ผู้เขียนรายงานจะแบ่งเป็นบท เป็นตอนระบุเนื้อเรื่องที่ปรากฏในรายงาน โดยเรียงตามลำดับ การเว้นระยะในการเขียนจะอยู่ห่างจากขอบกระดาษด้านบน ๒ นิ้ว และข้อความในสารบัญ จะอยู่ห่างจากริมซ้ายของกระดาษเข้าไป ๑.
Numtip: การเขียนรายงาน
การเขียนรายงาน ความหมายของการเขียนรายงาน รายงาน (Report) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542: 953) ให้ความหมายของคำว่า "รายงาน" ว่าเป็นคำนาม หมายถึง เรื่องราวที่ไปศึกษาค้นคว้าแล้วนำมาเสนอที่ประชุม ครูอาจารย์หรือผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ยังมีผู้ให้คำจำกัดความของคำว่า "รายงาน" ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า การเขียนรายงาน หมายถึง การนำเสนอผลงานจากการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบ ตามระเบียบแบบแผน โดยมีการอ้างอิงหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นคณะก็ได้ ทั้งนี้ การเขียนรายงานมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ เนื้อหาและระยะเวลาในการจัดทำหรือศึกษาค้นคว้า ประโยชน์ของรายงาน 1. ทำให้ทราบผลการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงาน 2. ใช้วิธีการหนึ่งในการประเมินผลงานและประเมินค่าของการปฏิบัติงาน 3. ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงและเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์วิจัยต่อไป 4. ใช้เป็นหลักในการกำหนดโครงการหรือแนวทางในการปฏิบัติงาน 5. ใช้เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคลากรภายในหน่วยงานและให้ความรู้ความเข้าใจ แก่คนทั่วไป ประเภทของรายงาน รายงานแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. รายงานทางวิชาการ เช่น รายงานของนักศึกษาหรือสถาบันทางวิชาการ ฯลฯ 2.
กระติก แต่งชุดขาว โผล่ร่วมงานไว้อาลัย แตงโม นิดา พร้อมช่อดอกไม้ ใช้เวลาราว 15 นาที ก่อนเดินทางกลับด้วยใบหน้ามีน้ำตาคลอ
ผู้สื่อ ข่าว รายงานว่า วันนี้ (11 มี. ค. ) เมื่อเวลา 13. 20 น. น. ส.
+++.ระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบาย โครงการและกิจกรรม สพฐ.e-ME System +++
- น้ำมัน สี ม่วง
- การเขียนส่วนต่างๆของรายงาน - การเขียนรายงาน
- เช็คมาตรา 33 เราชนะ
- อุปกรณ์ DJ | Music Arms ศูนย์รวมเครื่องดนตรี ตั้งแต่เริ่มต้น ถึงมืออาชีพ
- +++.ระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบาย โครงการและกิจกรรม สพฐ.e-ME System +++
- รายงาน การเขียนโปรแกรม
- ซื้อขายรถ Tata Super Ace Mint 2018 มือสอง รถบ้านเจ้าของขายเอง ราคาดีที่สุดในประเทศไทย
- รายงานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
e- Mes: ระบบติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย โครงการและกิจกรรม สพฐ. สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
Powered By e-Me Team
รายงาน การเขียน
ส่วนสำคัญหนึ่งของรายงานสรุปความคืบหน้าคือการช่วยให้ผู้จัดการตัดสินใจขั้นตอนต่อไปของการทำงานได้ง่ายขึ้น คุณอาจจะช่วยเสนอวิธีการแก้ปัญหาของปัญหาที่คุณพบ ในขณะที่คุณร่างรายงาน จดโน้ตว่าวิธีการแก้ปัญหาของคุณนั้นเหมาะสมกับระยะเวลาและงบประมาณของงานอย่างไร [3]
ตัวอย่างเช่น หากบริษัทผลิตเสื้อยืดของคุณผลิตได้เร็วกว่าเวลาที่วางไว้แต่ใช้งบประมาณมากเกินแผน คุณอาจจะชี้ให้เห็นว่านี่เป็นหลักฐานว่าการเร่งกำลังการผลิตจะช่วยปรับสมดุลให้กระบวนการนั่นเอง
1
เขียนส่วนหัวของรายงาน. เริ่มเขียนรายงานด้วยการเขียนสรุปสั้นๆ และลงวันที่ รายงานสรุปความคืบหน้าควรจะสั้นอยู่แล้ว คุณจึงไม่จำเป็นต้องแยกหน้าที่มีชื่อหัวข้อรายงานต่างหากออกมา หากคุณจะส่งรายงานผ่านทางอีเมล์ แค่ตั้งชื่อหัวข้ออีเมล์ให้ชัดเจนเพื่อที่ผู้จัดการของคุณจะได้รู้ว่าอีเมล์นี้เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร
ตั้งชื่อหัวข้อว่า "รายงานประจำวันที่ 27 สิงหาคมของบริษัทส่งขนส่งทางเรือปาร์กเกอร์" ก็ฟังดูดีไม่เลว
ใส่วันที่กำกับไว้เสมอเพื่อสร้างความชัดเจนว่าคุณกำลังรายงานอยู่ในช่วงเวลาใด
หากบริษัทของคุณมีแนวทางรูปแบบการเขียนที่เฉพาะเจาะจงก็อย่าลืมเขียนตามนั้นล่ะ
เริ่มต้นจากการเขียนสรุปผลการดำเนินงาน.
วิธีการ เขียนรายงานสรุปความคืบหน้า: 11 ขั้นตอน (พร้อมรูปภาพ)
ส่วนประกอบตอนต้นหรือส่วนนอกมี
๑. ๑ ปกนอก บอกชื่อเรื่อง ชื่อผู้ทำรายงาน ชื่อรายวิชา ชั้นเรียน โรงเรียน ภาคเรียน ปีการศึกษา
๑. ๒ ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่า ๑ แผ่น
๑. ๓ ปกใน มีข้อความเช่นเดียวกับปกนอก
๑. ๔ คำนำ เป็นข้อความเกริ่นทั่วไปเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาของรายงานแจ่มแจ้งขึ้น อาจกล่าวถึงความเป็นมาของการสำรวจและรวบรวมข้อมูลและขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือ
๑. ๕ สารบัญ เป็นการเรียงลำดับหัวข้อของเนื้อเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องยาว บอกเลขหน้าของหัวข้อไว้
๒. ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
๒. ๑ บทนำ เป็นส่วนที่บอกเหตุผลและความมุ่งหมายที่ทำรายงาน ขอบเขตของเรื่อง วิธีการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล
๒. ๒ เนื้อหา ถ้าเป็นเรื่องยาว ควรแบ่งออกเป็นบทๆ ถ้าเป็นรายงานสั้นๆ ไม่ต้องแบ่งเป็นบท แบ่งเป็นหัวข้อต่อเนื่องกันไป
๒. ๓ สรุป เป็นตอนสรุป ผลการศึกษาค้นคว้าและเสนอแนะประเด็นที่ควรศึกษาค้นคว้าต่อไป
๓. ส่วนประกอบตอนท้าย ประกอบด้วย
๓. ๑ ภาคผนวก เป็นข้อมูลที่มิใช่เนื้อหาโดยตรง เช่น ข้อความ ภาพ สถิติ ตาราง ช่วยเสริมรายละเอียดเพิ่มเติมแก่เนื้อหา
๓. ๒ บรรณานุกรม คือ ราชชื่อหนังสือ เอกสารหรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่ใช้ในการทำงาน โดยเรียงลำดับตามพยัญชนะตัวแรกของชื่อผู้แต่งหรือแหล่งข้อมูล ชื่อหนังสือ ครั้งที่พิมพ์ จังหวัดหรือเมืองที่พิมพ์ สำนักพิมพ์และปีที่พิมพ์ ถ้ามีข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ให้ขึ้นต้นด้วยข้อมูลที่เป็นภาษาไทยก่อน
การเขียนส่วนต่างๆของรายงาน - การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานสรุปความคืบหน้าอาจดูเหมือนเป็นงานที่จำเจ แต่การเขียนเป็นนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้สื่อสารกับฝ่ายบริหาร ไม่ว่าคุณจะรับผิดชอบโครงการอะไรอยู่ คุณต้องให้ความสำคัญกับการให้รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงซึ่งอธิบายถึงงบประมาณและระยะเวลาดำเนินงานของโครงการนั้นๆ ใส่ข้อมูลส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ตรงส่วนสรุปที่จุดเริ่มต้นของรายงาน จากนั้นก็เริ่มพูดถึงรายละเอียดของโครงการในแง่ของความสำเร็จและความท้าท้ายที่ประสบ พยายามเขียนสั้นๆ แต่ให้รายละเอียดครบถ้วนแล้วคุณก็จะได้รับการชื่นชมจากฝ่ายบริหารเอง
1 ให้ความสำคัญกับงบประมาณและระยะเวลาดำเนินการ. ไม่ว่าคุณจะทำโครงการเรื่องใดอยู่ ผู้บริหารก็คงจะอยากรู้ว่าในแง่ของงบประมาณและระยะเวลาดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้างอยู่ดี เริ่มต้นร่างรายงานด้วยการรวบรวมข้อมูลว่าโครงการดำเนินไปอย่างไรในแง่ของการเงิน จากนั้นก็จดโน้ตสรุปว่าโครงการของคุณยังอยู่ในแผนงานที่วางไว้หรือไม่ [1]
2
อธิบายถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา. หากคุณพบว่าเกิดปัญหาขึ้นกับงบประมาณและแผนงานของโครงการ อย่าปกปิดเรื่องเหล่านี้ไว้เพราะยิ่งจะทำให้ปัญหาบานปลายเลยเถิดกันใหญ่ในภายหลัง คุณควรจะพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้ในขณะที่พิจารณาถึงสิ่งที่ดำเนินไปได้ด้วยดีไปพร้อมๆ กัน [2]
ตัวอย่างเช่น หากโครงการที่คุณต้องทำคือผลิตและจัดส่งเสื้อยืดหนึ่งพันตัวโดยมีงบประมาณหนึ่งพันดอลลาร์ คุณอาจจะเกิดความกังวลเมื่อคุณพบว่าคุณผลิตไปแค่สามร้อยตัวแต่ดันใช้งบไปถึงห้าร้อยดอลลาร์แล้ว
คุณอาจจะสังเกตได้ว่าจริงๆ แล้วคุณทำงานเร็วกว่าแผนที่คาดไว้สองวัน จดโน้ตเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
3
ระดมสมองหาวิธีการแก้ปัญหา.
๑ นิ้ว เริ่มตั้งแต่ คำนำ บท และ ชื่อบทจนถึงส่วนท้าย คือบรรณานุกรม และภาคผนวก เลขหน้าจะอยู่ห่างจาก ขอบขวาของกระดาษ ๑. ๑ นิ้ว ผู้เขียนรายงานต้องทำรายงานเรียบร้อยแล้วจึงจะระบุเลขหน้าได้ว่า บทใด ตอนใด อยู่หน้าใด ๔. การนำบัตรข้อมูลที่บันทึกตามโครงเรื่องมาเขียนเนื้อหาของรายงาน การเขียนเนื้อเรื่อง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะผลการค้นคว้ารวบรวมทั้งหมดที่บันทึก ลงในบัตรบันทึกข้อมูลจะนำมาเรียบเรียงไว้ในส่วนนี้ เรียงตามลำดับโครงเรื่องที่ ปรากฏในสารบัญ ครอบคลุมตั้งแต่บทแรกถึงบทสุดท้าย ในหน้าแรกของเนื้อเรื่องไม่ต้องใส่เลขหน้าเว้นจากขอบบนของหน้ากระดาษลงมา ๒ นิ้ว ไว้กลางหน้ากระดาษ ทุกครั้งที่ขึ้นบทใหม่ไม่ใส่เลขหน้าเฉพาะหน้านั้นแต่ให้นับหน้าด้วย การเว้นระยะจากขอบล่างขึ้นมา ให้เว้น ๑ นิ้ว จากขอบซ้ายของหน้ากระดาษเข้ามาเว้น ๑. ๕ นิ้ว จากขอบขวา ของหน้ากระดาษเข้ามา เว้น ๑ นิ้ว ส่วนการย่อหน้าทุกครั้งให้เว้น ๖ ช่วงตัวอักษร เขียนตัวที่ ๗ ๕. การทำบรรณานุกรมท้ายเล่ม การลงบรรณานุกรม หากมีเอกสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศให้ลงภาษาไทยก่อน เรียงตามลำดับประเภท และในแต่ละประเภทเรียงตามลำดับอักษรผู้แต่ง หรือเรียงตามลำดับอักษรรวมกันไม่แยกประเภท เครดิต::